วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

มงคลสูตรคำฉันท์


มงคลสูตรคำฉันท์ ♥บทวิเคราะห์

บทวิเคราะห์
คุณค่าด้านเนื้อหา
มงคลสูตรคำฉันท์ เป็นวรรณคดีที่มีเนื้อหาเป็นคำสอนทางพระพุทธศาสนา ว่าด้วยเรื่องของ มงคล ๓๘ ประการ ซึ่งเป็นคำสอนที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นจริงได้ โดยเน้นที่ “การปฏิบัติด้วยตนเอง” ลำดับจากง่ายไปยาก ถ้าปฏิบัติได้แล้ว จะทำให้ชีวิตมีแต่ความก้าวหน้าและผาสุก โดยไม่ต้องอาศัยปัจจัยใดๆ เนื่องจากการปฏิบัติด้วยตนเองย่อมมอบความเป็นมงคลที่แท้จริงให้แก่ชีวิต ซึ่งจะนำพาชีวิตของแต่ละคนไปในทางที่เจริญแล้ว ยังทำให้สังคมโดยรวมสงบสุขและเจริญก้าวหน้าไปด้วย
นอกจากนี้คำสอนในมงคล ๓๘ ประการยังเป็นแนวทางที่ทุกคนสามารถปฏิบัติได้ด้วยมีความสอดคล้องกับการดำเนินชีวิตในทุกวัย โดยเริ่มต้นจากระดับพื้นฐานที่สำคัญ คือ การคบคน ดังที่กล่าวว่า
(๑) อวเสนา จ พาลานํ ปณํฑิตานญฺจ เสวนา
ปูชา จ ปูชะนียานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ
หนึ่งคือบ่คบพาล เพราะจะพาประพฤติผิด
หนึ่งคบกะบัณฑิต เพราะจะพาประสบผล
หนึ่งกราบและบูชา อภิบูชนีย์ชน
ข้อนี้แหละมงคล อดิเรกอึดมดี

คำประพันธ์บทนี้กล่าวถึงมงคลประการที่ ๑ ถึง ๓ ซึ่งเป็นข้อแนะนำเกี่ยวกับการคบคนหรือการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคลรอบข้าง เริ่มตั้งแต่การหลีกเลี่ยงจากคนพาล การสมาคมกับคนดี และการมีสัมมาคารวะต่อบุคลที่เคารพ ซึ่งล้วนเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับทุกคน เนื่องจากการที่เราคบคนเช่นใด โอกาสที่จะทำให้เรากลายเป็นคนเช่นนั้นหรือมีพฤติกรรมที่คล้ายกัน และนอกจากการรู้จักเลือกคบคนแล้ว การมีสัมมาคารวะหรือการรู้จักเคารพต่อบุคคลที่ควรบูชาเคารพ ย่อมทำให้เราเป็นที่รักใคร่ของบุคคลทั่วไป และยังได้รับความเมตตาหรือคำแนะนำที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อชีวิตอีกด้วย

นอกจากมงคลสูตรคำฉันท์จะมีการแปลและเรียบเรียงเนื้อความจากคาถาภาษาบาลีแล้ว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงอธิบายขยายความมงคลในแต่ละข้อเพิ่มเติมเพื่อให้เข้าใจความหายได้อย่างชัดเจน เช่นในคาถาที่ ๗ กล่าวถึงมงคลข้อที่ ๒๒ คือ มีความเคารพ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงอธิบายให้ชัดเจนว่า ควรมีความเคารพผู้ใด และในมงคลข้อที่ ๒๔ มีความสันโดษ ได้ทรงอธิบายเพิ่มเติมว่ามีความหายอย่างไร

(๗) คารโว จ นิวาโต จ สนฺตุฏฐี จ กตญฺญุตา
กาเลน ธมฺมสฺสวนํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ
เคารพ ณ ผู้ควร จะประณตและนอบศีร์
อีหนึ่งมิได้มี จะกระด้างและจองหอง
ยินดี ณ ของตน บ่มิโลภทะยานปอง
อีกรู้คณาของ นรผู้ประคองตน
ฟังธรรมะโดยกา- ละเจริญคุณานนท์
ข้อนี้แหละมงคล อดิเรกอุดมดี


สำหรับมงคลในข้ออื่นๆ เป็นข้อแนะนำที่สอดคล้องไปตามวัยและวุฒิภาวะ ตั้งแต่การปฏิบัติตนที่เป็นมงคลเมื่อยู่ในช่วงวัยเรียน เมื่อมีหน้าที่การทำงาน เมื่อมีครอบครัว เรื่อยไปจนถึงวัยที่ควรละจาการกิจกรรมทั้งหลาย เพื่อแสวงหาสัจธรรมในบั้นปลายของชีวิต จนสุดท้ายสามารถละกิเลสอันเป็นเหตุแห่งความทุกข์ทั้งปวงเพื่อมุ่งสู่ความสุขที่แท้จริง


คุณค่าด้านวรรณศิลป์
เนื้อความในมงคลสูตรคำฉันท์ แม้จะมีที่มาจากคาถาภาษาบาลีและมีคำศัพท์ในทางพระพุทธศาสนา แต่ก็เป็นคำที่เข้าใจความหายได้ไม่ยาก เช่น โสตถิ ภควันต์ เป็นต้น
นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงสามารถถ่ายทอดและเรียบเรียงเนื้อความเป็นภาษาไทยได้อย่างเรียบง่าย แต่มีความไพเราะ และสามารถสื่อความหมายได้อย่างชัดเจน ดังเช่น

ครั้งนั้นแลเทวดา องค์หนึ่งมหา-
นุภาพมหิทธิ์ฤทธี
ล่วงประถมยามราตรี เธอเปล่งรัศมี
อันเรืองระยับจับเนตร
แสงกายเธอปลั่งยังเขต สวนแห่งเจ้าเชต
สว่างกระจ่างทั่วไป
องค์ภควันต์นั้นไซร้ ประทับแห่งใด
ก็เข้าไปถึงที่นั้น ฯ
ครั้นเข้าใกล้แล้วจึ่งพลัน ถวายอภิวันท์
แด่องค์สมเด็จทศพล
แล้วยืนที่ควรดำกล เสงี่ยมเจียมตน
แสดงความเคารพนบศีร์

ข้อความข้างต้นเป็นบทประพันธ์ที่มีถ้อยคำเรียบง่าย แต่สามารถบรรยายให้เห็นถึงมหิทธานุภาพของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใด แต่ว่าเทวดาซึ่งมีฤทธิ์และมีรัศมีเปล่งประกายไปทั่วเชตวันมหาวิหาร ก็ยัง “ถวายอภิวันท์”แด่ “สมเด็จทศพล” หรือพระพุทธเจ้าด้วยความ “เสงี่ยมเจียมตน”

คุณค่าด้านสังคม
มงคลสูตรคำฉันท์ เป็นวรรณคดีที่มีมาจาก “มงคลสูตร” ซึ่งเป็นคำสอนในทางพระพุทธศาสนาที่ทุกคนโดยเฉพาะพุทธศาสนิกชน เมื่อได้นำไปปฏิบัติ ย่อมจะทำให้ชีวิตประสบกับ “มงคล” หรือความสุขอย่างแท้จริง แนวทางต่างๆเน้นที่การนำไปปฏิบัติให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรมด้วยตนเองเป็นสำคัญ นอกจากนี้หากทุกคนได้ยึดถือเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสม ย่อมส่งผลให้สังคมเจริญก้าวหน้าตามไปด้วย